วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2552

สมุนไพรเพื่อสุขภาพ : กล้วย(Banana)


กล้วยเปรียบเสมือนผลไม้สารพัดประโยชน์ที่สามารถนำ มาประกอบอาหารได้หลากหลายชนิด ไม่ว่าส่วนใดของกล้วยก็สามารถนำมาใช้ได้ ผลอ่อน ผลแก่ หยวก ก้านใบช่อดอกหรือปลี ล้วนทั้งสามารถนำมาทำอาหารคาว หวาน หรือถนอมอาหารเก็บไว้ได้นาน เช่น กล้วยฉาบ กล้วยตาก

ชื่ออื่น กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม กล้วยใต้ กล้วยน้ำ กล้วยน้ำไท กล้วยเล็บมือนาง กล้วยนาก กล้วยส้ม กล้วยหักมุก กล้วยหอมจันทร์ กล้วยหอมเขียว กล้วยพัด กล้วยพุทธมาลี

ชื่อวิทยาศาสตร์ Musa Sapientum Linn.

วงศ์ MUSACEAE

ลักษณะ กล้วยเป็นพรรณไม้ล้มลุก สูงประมาณ 2-5 เมตร ลำต้นที่เห็นเป็นก้านใบหุ้มซ้อนกัน

ใบ หรือใบตองกล้วยมีใบขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นแผ่นยาวประมาณ 1.50 เมตร กว้างประมาณ 40-60 ซ.ม. มีสีเขียว เส้นใบขนานกัน

ดอก จะออกดอกเป็นช่อห้อยลงมามีกาบหุ้มสีแดงอมม่วง เรียกว่า หัวปลี รูปร่างกลมรี มีดอกย่อยติดกันมาเป็นแผง ดอกตัวเมียจะอยู่ที่ฐานส่วนดอกตัวผู้จะอยู่ช่วงปลาย

ผล หลังจากดอกตัวเมียเริ่มเจริญเป็นผล ดอกตัวผู้ก็จะร่วงไป ช่อดอกจะเจริญต่อไปเป็นเครือกล้วย ที่ประกอบด้วยหวีกล้วยประมาณ 7-8 หวี ผลกล้วยอ่อนมีสีเขียว พอแก่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง

ส่วนที่ใช้ ผลดิบ ผลสุก หัวปลี ยางกล้วยจากใบ

สรรพคุณทางยาสมุนไพร

กล้วยมีความสำคัญและมีประโยชน์ ตั้งแต่ด้านการใช้สอย ความเชื่อด้านพิธีกรรม ประโยชน์คุณค่าทางอาหารแล้วยังเป็นยารักษาโรคได้ดีอีกอย่างด้วย

ผลกล้วยดิบ นำมาฝานทั้งเปลือกตากแห้งแล้วนำมาบดให้ละเอียดเป็นผงชงดื่ม เป็นยาแก้ท้องเดิน และรักษาแผลในกระเพาะอาหาร

ผลกล้วยสุก ช่วยในการระบายเป็นยาอายุวัฒนะ เมื่อนำผลสุก 1 ผล มาผสมกับน้ำผึ้งรับประทานก็จะช่วยระบาย

รากกล้วย นำมาตำพอกแก้เคล็ดขัดยอก รักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก

ยางกล้วย มีสารเทนินใช้สมานในการห้ามเลือด แผลสด แมลงสัตว์กัดต่อย รักษาโรคลิ้นเป็นฝ้าขาวในเด็ก

หัวปลี ช่วยบำรุงน้ำนม นิยมนำมาทำเป็นแกงเลียงให้แม่ลูกอ่อนรับประทาน และยังบำรุงเลือดด้วย

เปลือกกล้วย ที่รับประทานแล้วนั้น นำมาถูส้นเท้า ฝ่ามือ นิ้มป้องกันและระงับเชื้อแบคทีเรีย

คุณค่าทางอาหาร

กล้วยไทยที่มีชื่อเสียงดังก้องไปทั่วโลกว่ามีรสหอมกว่ากล้วยของประเทศ อื่น คือ กล้วยหอม ส่วนกล้วยที่ใช้ประโยชน์มากที่สุด คือ กล้วยน้ำหว้า วิธีใช้ในการประกอบอาหารของกล้วยนั้นมีอยู่หลายวิธี

กล้วยสุก นำไปเผาทั้งเปลือก แล้วขูดเอาแต่เนื้อนำไปบดกับข้าวถือว่าเป็นอาหารชนิดแรกของคนไทย นอกจากนมแม่

กล้วยดิบ ใช้ทำเป็นแป้งไว้ผสมอาหารอื่น

กล้วยนำมาถนอมอาหารสามารถเก็บไว้ได้นาน เช่น กล้วยฉาบ กล้วยตาก กล้วยกวน ข้าวเกรียบกล้วย

กล้วยตานี หั่นเป็นแว่นๆ ดองน้ำส้ม เกลือ น้ำตาล เป็นผักจิ้มหรือของขบเคี้ยวอาหารว่าง

กล้วยดิบอื่นๆ ใช้แกงป่า ให้ทำต้มยำ

หัวปลี ทำแกงเลียง ทำเครื่องเคียงขนมจีน น้ำพริก

หยวกกล้วยอ่อน ใช้แกงส้ม ต้มจิ้มน้ำพริก

จะเห็นว่าคุณค่าทางโภชนาการและอาหารของกล้วยมีสูง ดีต่อร่างกาย หาซื้อง่าย หากรับประทานเป็นปกติก็จะส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย โดยเฉพาะให้พลังงานสูง แคลเซียมในกล้วยช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน วิตามินก็ครบครันทั้งวิตามินบี 1 ป้องกันโรคเหน็บชา วิตามินบี 2 ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกายตามปกติ วิตามินซี ป้องกันโรคหวัด โรคเลือดออกตามไรฟัน และยังมีสารอาหารมากคุณค่าอื่นๆ อีก

คุณค่าทางโภชนาการและอาหารในส่วนที่รับประทานได้ 100 กรัม

พลังงาน 147 แคลอรี่
โปรตีน 1.1 กรัม
ไขมัน 0.2 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 3.51 กรัม
แคลเซียม 7 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 43 มิลลิกรัม
เหล็ก 0.8 มิลลิกรัม
เบต้าแคโรทีน 48 ไมโครกรัม
วิตามีนบี 1 0.04 มิลลิกรัม
วิตามีนบี 2 0.02 มิลลิกรัม
ไนอะซีน 1.4 มิลลิกรัม
วิตามีนซี 1.4 มิลลิกรัม
อ้างอิงมาจาก:http://lifestyle.kingsolder.com/health/herbs.asp?id=657&no=1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น